จะทำการดับไฟ เพื่อปรับปรุงอะไรซักอย่าง
วันนี้เลยออกจากบ้านเพราะร้อน
เดินออกมาหน้าปากซอยก็เห็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ากำลัง
ทำงานอยู่กับเสาไฟฟ้าหลายต้นอย่างขะมักเขม้น
ดูท่าทางจะกินเวลาหลายชั่วโมง
จึงเดินทางไปยังสถานที่ๆ ตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
โรงพยาบาลศิริราช
ถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จฯ พระบรมราชชนก
ที่ศาลาศิริราช 100 ปี
เข้าไปกราบพระบรมรูปสมเด็จย่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
และเข้าไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นั่งเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาตรงท่าวังหลัง
เดินอยู่ดีๆ ก็เกิดอยากเลี้ยวเข้าไปที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์
ตึกโดมท่าพระจันทร์โดดเด่น
มีที่นั่งติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดี เลยนั่งเล่นอยู่ซักพัก
ไม่ค่อยมีคนเพราะเป็นวันหยุด
เดินไปเจอโรงอาหาร รู้สึกหิวเลยขอลองอาหารที่นี่หน่อย
รู้สึกว่าหนังสือการ์ตูนผม 2 เล่ม
มีรายชื่ออยู่ที่นี่ด้วย ดีจังเลยนะ
เดินออกจากธรรมศาสตร์ไปทางสนามหลวง
ไปไหว้พระบวรราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
และแน่นอนต้องไปที่วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
คนเยอะมากๆ ทัวร์จีนเป็นส่วนใหญ่
ซื้อดอกไม้ธูปเทียนตรงทางเข้าไปไหว้พระแก้วมรกต
ด้านในห้ามถ่ายรูป เลยถ่ายด้านนอก
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง
เดินไปรอบๆ
เดินตรงทางออกไปเจอศาลหลักเมืองอยู่ตรงข้ามพอดีจึงไปสักการะขอพร
นำผ้าแพร 3 สีไปพันที่เสาต้นนี้
ไหว้พระพุทธโสธร พระสยามเทวาธิราช พระพิฆคเนตร ทำบุญ
ได้น้ำมนต์กลับบ้านมาให้พ่อ
ข้ามฝั่งไปสนามหลวง
เจอคู่รักถ่ายพรีเวดดิ้ง น่ารักดี มีช่วงนึงอุ้มกันด้วย
แล้วไปที่จุดหมายสุดท้าย
มหาวิทยาลัยศิลปะอันดับหนึ่งของประเทศ
มหาวิทยาลัยศิลปากร
แต่ผิดหวังที่หอศิลป์ปิด
พบภาพชินตา นักเรียนมัธยมมาติวเข้าศิลปากรเป็นกลุ่มๆ
รุ่นพี่กลัวน้องร้อนก็เอากระดาษมาคอยพัด
เข้าไปใกล้ๆ อยากรู้ว่าวาดอะไรกัน
ก็พบว่าเป็นกระดาษขาวแผ่นใหญ่ๆ ยังไม่วาดอะไร
ดูเหมือนประชุมวางแผนกันอยู่
รูปปั้นอาจารย์ศิลป์ พีระศรี
ปูชนียบุคคลของมหาวิทยาลัยศิลปากรและของประเทศไทย
ตรงฐานด้านล่างเขียนไว้ว่า
"พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว"
น่าจะเป็นคำพูดเตือนใจ
บรรยากาศร่มรื่นแต่มีบางส่วนกำลังก่อสร้างปรับปรุง
ตรงตึกเขียนว่า
"พวกเธอจงเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ก่อน...แล้วจึงเรียนศิลปะ"
จากนั้นกลับบ้านขึ้นเรือข้ามฟากที่ท่าช้าง
